การประยุกต์ใช้ ICT ทางการพยาบาล
http://www.ns.mahidol.ac.th/nsid204/lesson05/L05_his.pdf
ICT หมายถึง เทคโนโลยีที่ช่วยในการรวบรวมข้อมูล ตรวจสอบ จัดหมวดหมู่ เรียงลำดับ สรุป คำนวณ จัดเก็บ ค้นคืน จัดทำสำเนา และแพร่กระจาย หรือสื่อสาร ข้อมูล ทำให้ข้อมูลกลายเป็นสารสนเทศที่ดี มีความถูกต้อง ตรงตามความต้องการ และเกิดคุณค่าต่อผู้ใช้
http://ict-pr.kkn5.go.th/forum.php?mod=viewthread4996-7
สารสนเทศทางการพยาบาล ( Nursing Information ) คือ การใช้ความรู้ทางคอมพิวเตอร์ ความรู้ทางด้านสารสนเทศ และความรู้ทางด้านการพยาบาล เพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติพยาบาล การบริการสุขภาพ และการบริหารการพยาบาล สารสนเทศทางการพยาบาลต้องมีลักษณะสำคัญ คือ เนื้อหาสาระเกี่ยวข้องกับการพยาบาล ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการช่วยจัดการข้อมูลสื่อสาร หรือการดัดแปลงข้อมูลทางการพยาบาล
http://ict-pr.kkn5.go.th/forum.php?mod=viewthread&tid=62
คุณลักษณะที่ดีของระบบสารสนเทศในการบริหารการพยาบาล
ระบบสารสนเทศในการบริหารที่ดี ควรมีลักษณะ 10 ประการ คือ
1.พึงระลึกว่าสารสนเทศมิใช่ข้อมูล จึงควรทำการเก็บรวบรวม วิเคราะห์ข้อมูล และเสนอในลักษณะของสารสนเทศเพื่อสามารถใช้ประโยชน์ได้จริงในการบริหาร
2.ความเกี่ยวพันของสารสนเทศ ( Relevance ) สารสนเทศที่จะรวบรวม ควรเป็นสารสนเทศที่เกี่ยวพันกัน หรือสัมพันธ์กับวัตถุประสงค์ที่นำไปใช้
3.ความไวของสารสนเทศ ( Sensitive ) สารสนเทศที่จะเป็นประโยชน์ต่อการบริหาร จะต้องมีความไวสามารถบ่งบอกหรือแสดงความหมายในสิ่งที่ต้องการทราบได้ถูกต้อง
4.ความถูกต้องเที่ยงตรงของสารสนเทศ ( Unbias ) สารสนเทศที่ได้จากการเก็บรวบรวม การวิเคราะห์ และการนำเสนอ ควรถูกต้องและเที่ยงตรงต่อความเป็นจริง มิใช่เพียงเพื่อให้ผู้บริหารพึงพอใจ
5.ลักษณะเบ็ดเสร็จของสารสนเทศ หรือการนำเสนอสารสนเทศ ควรอยู่ในลักษณะที่รวบรวมสิ่งสำคัญๆ สามารถตรวจสอบหรือพิจารณาโดยผู้บริหารได้โดยง่ายหรือง่ายต่อความเข้าใจ
6.เวลาที่เหมาะสมของสารสนเทศ สารสนเทศที่ได้รับการเก็บรวบรวม วิเคราะห์และจัดเตรียมจะต้อง ทันเวลาในการที่จะต้องใช้งาน
7.สารสนเทศเพื่อเน้นการดำเนินการ ( Action Oriented ) สารสนเทศควรจะได้รับการวิเคราะห์ ในลักษณะที่สนับสนุนกระบวนการบริหาร การวินิจฉัยสั่งการหรือการดำเนินการต่างๆในอนาคต
8.รูปแบบลักษณะเดียวกันของสารสนเทศ ( Uniformity ) สารสนเทศที่ดีควรจะมีลักษณะที่คล้ายคลึง มีรูปแบบเดียวกัน สามารถเปรียบเทียบใช้สารสนเทศร่วมกันได้อย่างมีมาตรฐานเดียวกัน
9.สารสนเทศเพื่อเป้าหมายการปฏิบัติการ ( Performance Target ) สารสนเทศควรได้รับการกำหนด และเก็บรวบรวมโดยอาศัยวัตถุประสงค์และเป้าหมายที่ได้กำหนดไว้เป็นพื้นฐาน
10.ความคุ้มค่าของสารสนเทศ ( Cost Effectiveness ) ผลประโยชน์ที่ได้จากการรวบรวม การวิเคราะห์ และการนำเสนอสารสนเทศควรมีมากกว่าต้นทุนที่ใช้
ทำไมต้องประยุกต์ใช้ ICT เข้ากับองค์กรในปัจจุบัน
เพราะองค์กรในปัจจุบันได้จำกัดไว้ซึ่งทรัพยากรทางด้านเทคโนโลยีการสื่อสาร การจัดการ และทรัพยากรทางด้านบุคคลในองค์กร จึงจำเป็นต้องใช้ระบบจัดการทรัพยากรต่างๆโดยการพึ่งพาระบบสารสนเทศ และไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้เลยว่า องค์กรใดในปัจจุบันไม่ได้ใช้เทคโนโลยีนี้ อาทิเช่นกรมทรัพยากรที่ดิน ใช้ภาพถ่ายทางดาวเทียมในการสำรวจพื้นที่โดยไม่ต้องออกไปสำรวจพื้นที่จริงอีกทั้งยังใช้ระบบสารสนเทศภูมิสาสตร์ในการจำแนกหรือกำหนด หรือจัดสรรทรัพยากรต่างๆในพื้นที่ที่แตกต่างกัน และกรมที่ดินก็สามารถใช้ข้อมูลสารสนเทศของกรมทรัพยากรที่ดิน ในการเข้าถึงข้อมูลว่า พื้นที่ใดต้องใช้ทำอะไรเพื่อให้เกิดประโยชน์ อีกทั้งสำนักงานผังเมืองก็สามารถใช้ข้อมูลชุดเดียวกันเข้ามาทำการวางผังเมืองให้แก่องค์กรดังกล่าว ดังนั้น การใช้ทรัพยากรสารสนเทศข้างต้น ทำให้ประหยัดทั้งเวลา
ค่าใช้จ่ายแรงและทรัพยากรที่คาดว่าจะสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ จึงทำให้ระบบ ICT เข้ามามีบทบาทในการบริการการจัดการทรัพยากรภายในองค์กรในทุกๆวันนี้
ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศจำเป็นอย่างไรต่อองค์กร
ปัจจุบัน เกิดการแข่งขันทางด้านธุรกิจสูง หากองค์กรใดเป็นผู้เหนือกว่าทางเทคโนโลยี ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีสารสนเทศ ระบบเทคโนโลยีการจัดการ เครื่องจักร เทคโนโลยีทางการพยาบาล หรือแม้กระทั่งการสื่อสารระหว่างองค์กร ล้วนแล้วเป็นสิ่งสำคัญภายในตัวองค์กรทั้งสิ้น จึงไม่แปลกเลยว่า แต่ละองค์กร จะหันมาพึ่งพาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ หรือเรียกอีกนัยหนึ่งว่า ระบบสมองกล ซึ่งระบบเหล่านี้มีระบบการตัดสินใจแทนมนุษย์ หรือใช้ในการคาดคะเน การคำนวณสิ่งที่เป็นไปทั้งในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต ที่มีความถูกต้องแม่นยำ และมีศักยภาพกว่ามนุษย์ และระบบเทคโนโลยีสารสนเทศสามารถที่จะทำในสิ่งที่มนุษย์ไม่สามารถทำได้ ซึ่งส่วนนี้ถือว่าเป็นข้อได้เปรียบในส่วนของเทคโนโลยีทำล้ำสมัย แต่อย่าลืมไปเสียหมดว่า เทคโนโลยีทั้งหลายนั้นล้วนเกิดมาจากมนุษย์มนุษย์นั้นได้สร้างสรรค์ผลงานทางเทคโนโลยีเพื่อตอบสนองความต้องการทางทรัพยากรของมนุษย์เอง มนุษย์ก็จำเป็นต้องพึ่งพาเทคโนโลยีเพื่อความสะดวกในชีวิตประจำวัน
ทำไมจึงต้องมีระบบICT ในองค์กร
ในปัจจุบัน ระบบICT ทำให้ระบบการจัดการ และ การสื่อสารในองค์กร เกิดการเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างมาก มนุษย์มีความสำคัญน้อยลง อีกทั้ง ในหน่วยองค์กรต่างๆ เริ่มใช้ทรัพยากรด้าน IT กันอย่างแพร่หลาย ระบบการสื่อสารและการจัดการด้วยคอมพิวเตอร์ถูกใช้กันมากขึ้น สิ้นเปลืองทรัพยากรน้อยลงปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดการแข่งขันและพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ คือ เป้าหมายในการจัดการทรัพยากรในองค์กรที่มีอยู่ ให้คุ้มค่าที่สุด และตัดปัญหาในการสื่อสารด้วยระบบการสื่อสารโดยใช้สื่อแบบเก่าซึ่งเป็นที่เข้าใจยาก ซึ่งการใช้ระบบการสื่อสารโดยใช้สื่อสารสนเทศรวดเร็ว และแม่นยำ อุปสรรคในการสื่อสารน้อย และเป็นที่ต้องการกว่าสื่อแบบเก่ามาก การใช้ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศในการพัฒนาองค์กร ส่วนใหญ่จะเน้นในด้านความสะดวก ความคล่องตัว ความถูกต้องและความแน่นอนของข้อมูล ซึ่งถ้าหากองค์กรใดมีความได้เปรียบทางด้านทรัพยากรบุคคลที่มีความรู้ทางด้าน ICT และ บุคลากรที่มีความรู้ทางด้านการใช้ระบบ ICT จะได้รับความได้เปรียบ เพราะสามารถลดการใช้ทรัพยากรได้อย่างง่ายดาย หากเปรียบเป็นเชิงธุรกิจแล้ว ผู้ประกอบการใดที่มีความรู้ทางเทคโนโลยีที่ทันสมัย หรือผู้ประกอบการได้ที่เปรียบทางการบริหารจัดการ แต่กลับมีทรัพยากรทางด้านบุคคลน้อย จึงสามารถทำให้ลดค่าใช้จ่ายต่างๆได้
http://www.edrawsoft.com/images/network/Campus%20Network%20Overview_Full.png
ความก้าวหน้าด้านการแพทย์และพยาบาลยุค ICT
ความสามารถของเทคโนโลยีเครือข่าย
ช่วยให้โรงพยาบาลสามารถทำการผ่าตัดจากระยะไกล (telerobotic
operation) เพื่อให้บริการด้านสาธารณะสุข
เข้าถึงทุกท้องถิ่นในประเทศ
จากการที่ประเทศแคนาดา ได้ทำการผ่านตัดจากระยะไกลแบบข้ามประเทศ
ภายใต้โครงการสาธารณะสุขทางไกล (telemedicine) ได้เป็นผลสำเร็จเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ซึ่งได้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพ
ของการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศทางการแพทย์ ที่ก้าวหน้าที่สุดในปัจจุบัน
โดยมีเทคโนโลยีด้านเครือข่ายและเทคโนโลยีด้านหุ่นยนต์ (Robotics) ที่นำมาผสมผสานกัน
เพื่อบริการด้านการแพทย์ที่มีคุณภาพแก่ประชาชน
ในการผ่าตัดนั้นความเที่ยงตรงและความนิ่งของศัลยแพทย์นั้น
นับเป็นหัวใจสำคัญในการทำการผ่าตัดผู้ป่วย แต่ในปัจจุบันนี้
ด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีด้านการแพทย์
ที่ได้ใช้เทคโนโลยีเครือข่ายประกอบกับหุ่นยนต์
เข้ามาเพื่อที่จะช่วยให้แพทย์ทำงานได้สะดวกยิ่งขึ้น
เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2546 ที่ผ่านมานี้ทางโรงพยาบาลเซนต์โยเซฟในประเทศแคนาดา
ได้มีการนำเทคโนโลยีการผ่าตัดจากระยะไกลมาใช้ สำหรับการผ่านตัดแบบเปิดแผลขนาดเล็ก
(minimal-access surgery) ที่คณะศัลยแพทย์
อยู่ห่างจากโรงพยาบาลที่ผู้ป่วยเข้ารับการผ่าตัดไกลถึง 250 ไมล์ และเป็นครั้งแรกสำหรับการผ่าตัดจากระยะไกลในประเทศแคนาดา
ซึ่งต้องถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ด้านการแพทย์ของโลก
กับความสำเร็จและความก้าวหน้าด้านสาธารณะสุข
โดยการผ่าตัดในครั้งนั้นศัลยแพทย์ต้องควบคุมกลไก ของอุปกรณ์มือกลสามชิ้น
ที่จำลองการทำงานจากการขยับของนิ้วมือศัลยแพทย์ในการผ่าตัด
โดยด้านหน้าของแผงควบคุมนั้น จะสามารถควบคุมการเคลื่อนไหวของมือกลไปทางซ้ายและขวา
ตลอดจนควบคุมระบบกล้องที่จะให้ภาพที่ชัดเจนในระหว่างการผ่าตัด
และตลอดระยะเวลา 3-4 เดือนที่ผ่านมา ก็ได้มีการผ่าตัดจากระยะไกลด้วยหุ่นยนต์นี้
ในประเทศแคนาดาแล้วอีกหลายต่อหลายครั้ง และทางโรงพยาบาลเซนต์โยเซฟ
ก็มีแผนที่จะขยายการผ่าตัดจากระยะไกลนี้ออกไปสำหรับอีก 2 โรงพยาบาล ในพื้นที่ห่างไกลภายในสิ้นปี 2546 นี้
สำหรับเบื้องหลังความสำเร็จของการผ่านตัดจากระยะไกลนั้น
โซลูชันด้านระบบเครือข่ายที่มีความเสถียรและปลอดภัยนั้น
เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งโดยในกรณีโรงพยาบาลเซนต์โยเซฟนี้
ได้ใช้บริการด้านเครือข่ายส่วนตัวเสมือน หรือ Virtual
Private Network, VPN จากบริษัทเบลล์แคนาดา
ซึ่งนับว่าเป็นบริการการสื่อสารโทรคมนาคม ที่มีความปลอดภัยที่สุดในปัจจุบัน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับการเชื่อมต่อระหว่างสำนักสาขาต่างๆ
ขององค์กร
นอกจากนี้ความเสถียรและระบบสำรองของการสื่อสาร
ก็เป็นปัจจัยสำคัญอย่างมากในการทำการผ่าตัดจากระยะไกลนี้
ดังนั้นคุณภาพของระบบที่จะมาใช้กับเทคโนโลยีด้านการแพทย์นั้น
จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องสามารถควบคุมคุณภาพการให้บริการ
ผ่านโครงข่ายหลักของเบลล์แคนาดาได้โดยในกรณีนี้
ได้ใช้เทคโนโลยีที่เรียกว่า Multiprotocol
Label Switch หรือ MPLS เพื่อที่จะรับประกันความเป็นส่วนตัว ของการเชื่อมต่อระหว่างโรงพยาบาล
ที่วิ่งอยู่บนโครงข่ายหลักของเบลล์แคนาดา ซึ่งเป็นโครงข่ายที่ครอบคลุมทั่วประเทศ
อีกทั้งยังสามารถที่จะรองรับการสลับเส้นทางในการส่งข้อมูล
ในกรณีที่การเชื่อมต่อเกิดติดขัดขึ้น
และจากการผสานกันอย่างลงตัวของการบริการด้านโครงข่ายคุณภาพสูง
สำหรับงานด้านสาธารณะสุขพร้อมกับแอพพิเคชันด้านการควบคุมกลไกของแขนกล
จากระยะไกลเข้าด้วยกัน ได้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของเทคโนโลยีสารสนเทศ
และการสื่อสารรวมถึงเทคโนโลยีด้านไอพี ในการที่จะให้บริการสาธารณะสุขทางไกล
ที่ระยะทางไม่ได้เป็นปัญหาอีกต่อไป ซึ่งถือได้ว่าเป็นเทคโนโลยีด้านการแพทย์
สำหรับยุคศตวรรษที่ 21 เลยก็ว่าได้
การใช้งานเทคโนโลยีในด้านการรักษาพยาบาล และการสาธารณะสุขในบ้านเรา
ก็ได้มีการเติบโต และพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันโรงพยาบาลเอกชนหลายแห่ง
ก็ได้มีการติดตั้งระบบคอมพิวเตอร์ เพื่อเชื่อมต่อฐานข้อมูลประวัติคนไข้
ไปจนถึงการจ่ายยาต่างๆ ซึ่งทำให้ลดขั้นตอนการทำงาน และคล่องตัวอย่างมาก
โดยที่แพทย์ผู้ตรวจรักษา สามารถเข้าถึงข้อมูลคนไข้แบบออนไลน์ผ่านทางคอมพิวเตอร์
ตลอดจนสามารถตรวจสอบประวัติการใช้ยาของคนไข้ได้อีกด้วย
ยิ่งไปกว่านั้นด้วยวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล ในการที่จะทำให้ประเทศไทย
เป็นศูนย์กลางด้านการแพทย์ และการรักษาพยาบาล ที่จะเปิดรับชาวต่างประเทศ
เข้ามารักษาตัวในประเทศไทย ซึ่งจะเป็นการนำเงินตราต่างประเทศ
เข้ามาสู่ระบบเศรษฐกิจของไทยอีกทางหนึ่ง
และยังส่งผลถึงการท่องเที่ยวที่หน่วยงานหลายฝ่าย กำลังดำเนินงานในการรณรงค์
ให้ชาวต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยมากยิ่งขึ้น ซึ่งถ้าดูจากเม็ดเงินแล้ว
ถือว่าการยกระดับการบริการด้านการแพทย์
และสาธารณะสุขให้เป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ
และสร้างให้ประเทศไทยเราเป็นศูนย์กลางด้านการแพทย์นั้น
ควรถือเป็นกลยุทธ์หลักอันหนึ่ง ที่ภาครัฐและเอกชน
ต้องช่วยกันสำหรับก้าวที่ยิ่งใหญ่ต่อไป
อ้างอิง
http://khemmachai.blogspot.com/2013/02/ict-in-organization_23.html
http://www.cisco.com/web/TH/technology/telerobotic.html
http://informationofnursingand.blogspot.com/
http://www.ns.mahidol.ac.th/nsid204/lesson05/L05_his.pdf
นางสาว อธิติยาพร พรมสุข นักศึกษาพยาบาลชั้นปีที่ 1 รหัสนักศึกษา 57122230053
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น